สีสำหรับทาบ้านปัจจุบันมีหลากหลายแบบ และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจะเลือกใช้ควรเลือกให้ถูกประเภท เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะตามมา เพราะสีนั้นจะมีทั้งแบบที่ใช้ทาภายนอก และทาภายใน ซึ่งจะมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกัน หากใครที่ต้องการทาสีด้วยตัวเองหรือไม่มีช่างที่ชำนาญเกี่ยวกับสี การศึกษาและการเลือกประเภทให้ถูกต้องตามการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆค่ะ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเราควรเลือกใช้สีชนิดไหนให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะทาค่ะ
สีน้ำอะคริลิคหรือสีน้ำพลาสติก
เรียกได้ว่าเป็นสีที่ได้รับความนิยมและเป็นชนิดที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด มีเฉดสีให้เลือกมากมาย สามารถผสมสีได้ตามที่ต้องการ และหาซื้อได้ง่าย โดยสีชนิดนี้จะเป็นสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะสำหรับใช้ทาบนพื้นผิวเรียบเช่น ผนังปูน ซีเมนต์ คอนกรีต โดยจะทำให้มีสีสันที่สวยงาม โดยสีอะคริลิกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ สีทาภายนอกและสีทาภายใน
สีทาภายนอก
สำหรับใช้ทาภายนอกอาคารโดยเฉพาะ เนื้อสีจึงถูกออกแบบมาให้ทนทานกว่าสีชนิดทาภายใน เพราะสภาวะที่ต้องเจอกับแดดและฝน รวมถึงอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงมีการเพิ่มสารพิเศษต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้มีคุณสมบัติที่ทนทานและใช้งานได้ดีรวมถึงช่วยยืดอายุของสีให้ยาวนาน ปัจจุบันสีทาบ้านภายนอกก็สามารถใช้ทาภายในได้ด้วย โดยขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือการเตรียมพื้นผิวสำหรับการทาสี เพราะปัญหาหลักของสีที่หลุดร่อน หรือเสื่อมสภาพเร็ว เกิดมาจากการเตรียมพื้นผิวที่ไม่ดี ดังนั้น ก่อนการทาสีเราควรมั่นใจว่า พื้นที่จะทานั้น แห้งสนิทไม่มีฝุ่นเกาะ ควรเป็นผนังเรียบ ไม่มีรอยแตก ควรทำการแก้ไขและฉาบให้เรียบ ก่อนการทาสี โดยปกติการทาสีทุกประเภทจะทาประมาณ 2-3 รอบและไม่ควรทาสีเกิน 5 รอบ เพราะจะทำให้ชั้นของสีมีความหนาเกินไปและเกิดการหลุดร่อนได้ง่าย
สีทาภายใน
เป็นสีที่เหมาะสำหรับทาภายในตัวอาคาร โดยเป็นสีที่ไม่ต้องเจอแสงแดด ฝน หรือ อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยทำให้ไม่จำเป็นต้องใส่สารที่มีคุณสมบัติพิเศษ แต่การทาสีภายในนั้นก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ป้องกันเชื้อราได้ดี และกลิ่นไม่แรง
โดยส่วนมากสีที่ทาภายในจะทาบนผนังฉาบปูนพื้นผิวเรียบ เช่น ยิปซั่มบอร์ด ผนังฉาบปูน โดย ควรทา 2-3 รอบ และไม่ควรนำสีภายในใช้ทาผนังภายนอก เนื่องจากสีภายใน จะไม่ทนแดดทนฝน หากใช้ไปจะทำให้สีหลุดร่อนได้ง่าย ดังนั้น ผนังที่จะทาสีต้องสะอาด แห้ง ไม่มีความชื้น เพราะความชื้นจะทำให้ระบายอากาศไม่ได้และจะทำให้เนื้อพอง และหลุดร่อนได้
สีทารองพื้น
เป็นชนิดสีที่ใช้ทารองพื้นหลังจากฉาบปูนเสร็จ ก่อนที่จะทาสีจริงทับ โดยสามารถใช้ทาเป็นสีรองพื้นกับทั้งสีทาภายในและภายนอก โดยการใช้สีทารองพื้นก่อนนั้นก็เพื่อให้สีที่เราต้องการทาได้โทนสีที่ต้องการโดยไม่ถูกสีของผนังทำให้สีเพี้ยน และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะของสีทับหน้าหรือวัสดุที่จะฉาบให้ดียิ่งขึ้น โดยเนื้อสีทารองพื้นนั้นจะมีลักษณะเหมือนกับสีทาภายนอกและสีทาภายใน แต่แตกต่างกันที่ชนิดของกาว และส่วนผสมที่มากกว่า โดยจะมีคุณสมบัติที่ทนต่อสภาพความเป็นด่างที่ดี เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสกับปูน โดยจะสามารถช่วยให้สีที่ทาทับยึดเกาะได้ดี และไม่หลุดร่อนง่าย
สีน้ำมัน(Gloss Enamel Paint)
เป็นชนิดสีที่ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย (Solvent) มีจุดเด่นด้วยลักษณะของเนื้อสีที่มีความเงางาม หลังจากแห้งแล้วจะมีผื้นผิวที่เงา มัน และมีความสวยงาม แต่มีข้อจำกัดที่ราคาค่อนข้างสูงและจะแห้งช้ากว่าสีชนิดอื่น การใช้สีน้ำมันในมักจะใช้ในการรักษาเนื้อไม้และมักใช้ทาบนผนังไม้ในตัวบบ้านหรือพื้นที่ที่ต้องทนกับสภาวะอากาศเช่นเรือหรือสะพาน ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานและเป็นเงาทำให้เป็นที่นิยมใช้กันทั้งในการตกแต่งภายในและภายนอก รวมถึงสีน้ำมันยังสามารถทาได้ทั้งบนพื้นผิวไม้และพื้ผิวเหล็ก ไม่ควรใช้สีน้ำมันกับงานปูน หรือปูนที่มีความชื้นสูง เพราะสีจะแห้งช้า หรือหลุดร่อนได้ง่าย
สีทาไม้
เป็นสีที่ใช้สำหรับทาเคลือบเงาไม้ และโลหะ เป็นสีประเภทอัลขีตเรซิน โดยเนื้อสีจะมีฟิล์มสีแบบทึบแสง ที่จะใช้ในการปกปิดเนื้อไม้ และลายไม้ โดยเนื้อฟิล์มจะมีลักษณะสีเงามัน (และมีชนิดกึ่งเงาให้เลือก) สีประเภทนี้จะมีกลิ่นฉุนทั้งขณะที่ทาสี และยังทิ้งกลิ่นตกค้างอีกหลายวัน รวมถึงด้วยลักษณะของฟิล์มสีจะแห้งช้า โดยใช้เวลาประมาณ 6-8 ชม.
คุณสมบัติเด่นของสีทาไม้ 1. เหมาะสำหรับผิวไม้และโลหะ 2. ใช้ทาปกปิดพื้นผิวเดิมได้ สามารถทาได้ทั้งภายในและภายนอก เพราะทนทานต่อ
สภาพลมฟ้าอากาศได้ดี 3. ช่วยรักษาความเงางามและคงความสวยสดของสีได้ยาวนาน ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำ
สีย้อมไม้
โดยทั่วไปสีย้อมไม้ มักจะหมายถึง "สีย้อมไม้วูดสเตน (Wood Stain) ที่มีลักษณะฟิล์มสีโปร่งใส โดยจะใช้สำหรับทาไม้ เพื่อรักษาสภาพเนื้อไม้ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หรือ ใช้ทาเพื่อซ่อมแซมเนื้อไม้หรือลายไม้ให้งานไม้ที่ดูเก่า และทรุดโทรม กลับมามีสีสันสดใสและดูใหม่อีกครั้ง โดยเมื่อทาทับลงไปบนเนื้อไม้แล้ว จะยังคงเห็นเนื้อไม้และลวดลายเดิมอยู่ แต่จะมีลายและสีที่ชัดเจนขึ้น
สีย้อมไม้ นิยมใช้กับงานภายนอก เพราะลักษณะที่เป็นฟิล์มสีใส จึงช่วยเคลือบผิวไม้ ทำให้ไม้ทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีขึ้น ทำให้ทนทานขึ้นนั่นเองโดยปัจจุบันสีทาไม้แบ่งเป็นหลายประเภทเช่น สีย้อมไม้ แชล็ค หากไม่ต้องการเปลี่ยนสีไม้แต่ต้องการให้เนื้อไม้ดูมีความเงางาม หรือหากต้องการให้เนื้อไม้มีผิวด้านก็สามารถเลือกใช้ แลคเกอร์ หรือยูรีเทน ได้เช่นกัน
สำหรับการเลือกใช้สีทาบ้านโดยหลักๆก่อนคือเราเลือกชนิดของสีที่เหมาะกับวัสดุของบ้านเราก่อนนั่นเองค่ะ เพราะการเลือกสีให้เหมาะสมกับพื้นผิวจะช่วยยืดอายุและความคงทนของสีให้มากขึ้น รวมถึงการเตรียมพื้นผิวก่อนการทาสีก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากอีกด้วยค่ะ ปัจจุบันมีสีหลากหลายแบบให้เราเลือกใช้ รวมถึงมีสีที่หลากหลายสามารถผสมได้ตามใจชอบทำให้บ้านดูมีความสวยงาม และน่าอยู่อาศัยมากขึ้น อย่างไรก็ตามนอกจากสีที่มีคุณภาพก็อย่าลืมเลือกอุปกรณ์ทาสีที่คุณภาพดีมาใช้งานด้วยนะคะ เพราะอุปกรณ์ที่ดีจะช่วยให้สีที่ทามีความเรียบเนียน แถมยังช่วยประหยัดทั้งเวลา และประหยัดสีที่ใช้ได้อีกด้วยนะคะ
Comments