ทาสีบ้านง่ายๆแบบไม่ง้อ (ช่าง)

สำหรับคนส่วนใหญ่การทาสีบ้าน อาจจะดูเป็เรื่องยุ่งยาก และ ไกลตัว ยิ่งคิดว่าทำไม่ได้และค่อนข้างเสียเวลาทำให้ส่วนใหญ่ต้องไปตามช่างทาสีอยู่เสมอๆ แต่ความจริงแล้วต้องบอกเลยว่าการทาสีห้องใหม่ให้บ้านคุณนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถเลย ลองคิดดูสิว่าจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเปลี่ยนสีห้องได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องไปจ้างช่างให้เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย! วันนี้เรามี วิธีและข้อควรรู้สำหรับการทาสีผนังบ้านด้วยตัวเองให้ออกมาสวยและทำได้ง่ายราวกับเป็นมืออาชีพ ซึ่งแต่ละข้อนั้นถ้าคุณอ่านจบแล้วจะรู้เลยว่าทาสีบ้านด้วยตนเองนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ลองไปดูกันเลยว่าเราจะเป็นมืออาชีพในการทาสีได้ง่ายๆอย่างไรบ้าง

1.เตรียมอุปกรณ์

ก่อนที่จะเริ่มลงมือทาสี ต้องแน่ใจว่าได้เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทาสีครบแล้ว และได้ทำการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หรือของสำคัญออกในห้องหรือบริเวณพื้นที่ที่เราจะทำการทาสี หากมีเฟอร์นิเจอร์หรือบิ๊วท์อินไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็คสรหาแผ่นพลาสติก ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์มาคลุมส่วนที่คุณไม่ต้องการให้เลอะเทอะ

อุปกรณ์ที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการทาสีผนังห้องด้วยตนเองนั้นมีดังนี้

- แปรงทาสีชนิดต่างๆ, ลูกกลิ้งทาสี, ถาดสี, พิมพ์หรือแปรงสร้างลวดลายตามที่ต้องการ เป็นต้น

- สีทารองพื้นหรือปกป้องพื้นผิวซีเมนต์, แชล็ค, สีเคลือบอื่นๆ

- สีทาผนังบ้าน (สีเคลือบ, สีน้ำมัน, สีรองพื้น, น้ำยาทำละลาย เป็นต้น)

นอกจากนี้ยังอาจต้องเตรียมบันไดและอุปกรณ์ป้องกันความสะอาดอื่นๆด้วยเช่นถุงมือ เสื้อคลุม หรือแม้แต่ผ้าปิดปากเพื่อป้องกันฝุ่นและสารเคมีที่ระเหยได้

2. เตรียมผนังที่ต้องทาสี

มีการประเมินสภาพของผนังก่อนที่จะทาสี โดยสังเกตุจากพื้นผิว ทั้งความเก่าของสี รอยสีเดิมที่เริ่มหลุดลอก ซึ่งหากพบเจอปัญหาดังกล่าวนี้ให้ทำการลอกสีเดิมหรือสีเคลือบเงาที่เป็นแผ่นขุยออกให้หมดก่อนด้วยแปรงขัดหรือกระดาษทราย เพื่อไม่ให้สีที่เราจะทาลงไปใหม่หลุดลอกและไม่ติดผนัง และหากผนังมีพื้นผิวหยาบ หรือ มีรอยแตกจากการกะเทาะ ให้เติมส่วนที่กะเทาะแตกนั้นด้วยซีเมนต์ผสมเพื่อให้ผนังกลับมาเรียบเนียน นอกจากนี้ก่อนทาสีควรทำความสะอาดผนังด้วยการล้างน้ำและเช็ดทำความสะอาดฝุ่นผงต่างๆเพื่อให้สีที่ทาสามารถเกาะติดผนังได้ดีไม่หลุดล่อน เพื่อให้ผนังพร้อมสำหรับการทาสีอีกครั้ง

3. เลือกสีที่ชอบ

การเลือกสีที่จะใช้ในห้องต่างๆถือว่ามีความสำคัญและส่งผลต่อพื้นที่ในห้องเป็นอย่างมาก เช่น การทาสีสว่างเพื่อทำให้ห้องดูโปร่งและทำให้ห้องที่แคบดูกว้างขึ้น หรือการทาสีสันสดใสในห้องคร้วเพื่อทำให้อาหารดูน่าทานมากขึ้น ดังนั้น ไม่ใช่แค่เพียงเลือกสีที่เราชอบ แต่ควรคำนึงถึงการใช้งานของพื้นที่ด้วย

เห็นไหมคะว่า สีมีความสำคัญมากสำหรับบ้าน และอีกอย่างนึงของการเลือกสีนั้น ควรคำนึงถึงการเลือกใช้สีที่มีคุณภาพดีด้วยนะคะ

4. การลือกใช้อุปกรณ์ในการทาสี

เริ่มจากการเลือกแปรงทาสี แปรงทาสีมีหลายรูปแบบด้วยกัน มีทั้งแปรงแบบขนหมู และแบบขนเทียม หรือแบบลูกกลิ้งขนาด 4", 7" และ 9" มาตรฐาน ลักษณะการใช้ขึ้นอยู่กับผนังห้องนั้นๆว่ามีพื้นที่กว้างขนาดไหน

หากมีพื้นที่ขนาดกว้างหรือสูงควรใช้ลูกกลิ้งทาสีในการทารองพื้นก่อน เนื่องจากลูกกล้ิงจะมีด้ามให้เลือกหลายขนาด สามารถทาพื้นที่สูงได้ และสามารถทาได้อย่างรวดเร็ว แปรงทาสีจะเหมาะกับการเก็บงานละเอียดหรือทาพื้นที่ขนาดเล็ก

แปรงและลูกกลิ้งแต่ละแบบก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสีและงานที่จะทา เพื่อไม่ให้หยด ย้อย หรือ กระเด็นเพราะอาจะทำให้ต้องใช้สีอย่างสิ้นเปลือง

สำหรับการทาสีนั้นให้เริ่มจากจากด้านหนึ่งไปสู่ตรงกลางผนังและเริ่มทาจากอีกด้านมาบรรจบกันที่ตรงกลาง และอีกส่วนที่ต้องระมัดระวังคือตรงเป็นขอบของผนัง สามารถทำได้โดยใช้เทปกาวแปะบริเวณที่ไม่ต้องการให้เลอะแล้วค่อยลอกออกหลังจากทำการทาสีเสร็จ เช่น ขอบประตูหรือหน้าต่าง เป็นต้น สุดท้ายอย่าลืมตรวจเช็คและอ่านคู่มือในการทาสีก่อนทาสีทุกครั้งค่ะ

5. ต้องรู้ปริมาณสีที่จำเป็นต้องใช้

ในการคำนวณพื้นที่ปริมาณการใช้สีสิ่งที่เราจะต้องรู้มีดังนี้

1. ขนาดความกว้างของห้อง

2. ขนาดความยาวของห้อง

3. ขนาดควาสูงของห้อง

4. พื้นที่ที่ต้องการทาสี ( มีส่วนใดบ้าง )

หรือปัจจุบันเราสามารถคำนวนปริมาณการใช้สีได้ง่ายๆไม่ว่าจะเป็นที่ตัวแทนจำหน่ายสีหรือทางเว็ปไซต์ต่างๆ เพื่อคำนวนงบประมาณที่ต้องใช้ และไม่เป็นการสิ้นเปลืองด้วยค่ะ

6.หาไอเดียใหม่ๆในการตกแต่งผนังห้อง

การทาสีไม่ได้มีเพียงแค่การทาสีเรียบๆเท่านั้น ปัจจุบันมีเทคนิคมากมายที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทาสีผนังให้เกิดลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นการทำลวดลายจากแปรงลูกกลิ้ง หรือการใช้สีหลายๆสีมาสร้างลวดลายให้ผนัง สร้างมิติใหม่ให้กับห้องของคุณได้

ตอนนี้เพื่อนๆคงมีไอเดียในการทาสีผนังห้องกันแล้วใช่มั้ยคะ เห็นมั้ยคะว่าการทาสีผนังด้วยตัวเองนั้นไม่ยากเลยอย่างที่คิด สำหรับใครที่มีเวลาว่างและอยากจะเปลี่ยนห้องของคุณให้ดูแปลกใหม่ ก็อย่าลืมนำเกร็ดความรู้จากเราไปใช้กันนะคะ :)